วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2559

รีวิวทริปเที่ยวเชียงใหม่ + ม่อนแจ่ม 2 วัน 1 คืน

เนื่องจากมีธุระสำคัญที่เชียงใหม่เลยถือโอกาสไปเที่ยวด้วยซะเลย

เที่ยวเชียงใหม่ทริปนี้มีเวลาไม่มากจึงวางแผนเที่ยวไว้คร่าวๆ ถ้าเวลาไม่อำนวยค่อยปรับเปลี่ยนอีกที หาข้อมูลจากแถวๆนี้แหละค่ะ


เมื่อไปมาแล้วลองมารีวิวดูเผื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนที่อยากไปบ้างนะคะ

สถานที่เที่ยวในทริปนี้ประกอบด้วย

วันแรก : พิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนา, วัดสวนดอก, ร้านCake Cattage, ร้านI berry, โรงแรมดิเอ็มเพรส, ถนนคนเดินประตูท่าแพ

วันที่2 : สวนเอเดน, ม่อนแจ่ม, บ้านม่อนม่วน, สวนพฤกษ์ศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์, Tita Gallery, กาดดารา

ถ้าพร้อมแล้วไปกันเลยค่า


เริ่มออกเดินทางจากโคราชตั้งแต่20.30น. ด้วยรถทัวร์VIPของบริษัทนครชัยทัวร์
ถือว่านั่งสบายใช้ได้นะคะ 12ชม.เต็มก็มาถึงอาเขตแห่งที่3
เหมารถแดงไปโรงแรมฝากของไว้เพราะยังเช็คอินไม่ได้
เพื่อไม่ให้เสียเวลาเราก็ออกไปทานข้าวเช้าแล้วเริ่มเที่ยวกันเลย

ที่แรกคือที่นี่ค่ะ

พิพิธภัณฑ์นี้ตั้งอยู่ถ.ห้วยแก้ว ใกล้กับสี่แยกกาดพยอมค่ะ
เป็นพื้นที่ของสำนักส่งสริมศิลปวัฒนธรรม ม.เชียงใหม่
โดยรวมเรือนโบราณในเขตล้านนามาอนุรักษ์ไว้ให้ได้ชมกัน 8 เรือน
ข้อมูลที่หาไปตอนแรกบอกว่าปิดเสาร์-อาทิตย์ วันที่ไปเป็นวันอาทิตย์แต่ลองเสี่ยงดู
สรุปว่าเปิดทุกวันค่ะ ไปถึงมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและให้หนังสือคู่มือที่บอกรายละเอียดของเรือนแต่ละหลังให้เราอ่านดูได้ตามใจชอบ
ไม่เก็บค่าเข้านะคะ มีร้านกาแฟเล็กๆอยู๋ด้านหน้าด้วย

รวมรูปมาให้ดูบรรยากาศค่ะ

จากพิพิภัณฑ์ก็เดินออกมาทางกาดพยอมค่ะ
ระหว่างทางเห็นกำแพงเวียงสวนดอก

ถ้าไม่เห็นป้ายแทบไม่รู้เลยนะเนี่ย

เดินจากพิพิธภัณฑ์ประมาณ 800 เมตร ก็มาถึง วัดสวนดอกค่ะ

ประวัติวัดสวนดอก จากวิกิพีเดียค่ะ

วัดสวนดอก หรือ วัดบุปผาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ปัจจุบันตั้งอยู่บนถนนสุเทพ 
ในอดีตนั้นป็นสวนดอกไม้ (ต้นพยอม) ของเจ้านายฝ่ายเหนือใน ราชวงศ์เม็งราย

พระเจดีย์วัดสวนดอก
กู่เจ้านายฝ่ายเหนือ

มีกู่บรรจุพระอัฐิพระราชชายา เจ้าดารารัศมีรวมอยู่ด้วยค่ะ

บรรยากาศในวัดร่มรื่นมากค่ะ

เข้ามากราบพระประธานในพระวิหาร

ออกจากวัดมามีมูลนิธิส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชาวไทยภูเขาอยู่ข้างๆวัดค่ะ

ออกจากวัดแล้วเดินมุ่งหน้าไปทางรพ.ประสาทเชียงใหม่
จะเจอถ.ศิริมังคลาจารย์ เดินไปประมาณ 1 กม.ถึงซอยศิริมังคลาจารย์13
เดินเข้าไปเกือบสุดซอย ก็มาถึงบ้านไม้หลังนี้เป็นที่ตั้งของร้านCake Cottageค่ะ
เคยอ่านรีวิวว่าเค้กอร่อย ท่าทางจะดังจริงเพราะไม่มีป้ายบอกเลย แต่ก็มาถึงจนได้

เนื่องจากเสียพลังในการเดินมาเยอะ ก็ตรงดิ่งไปที่ตู้เค้กเลยค่ะ
เมนูขึ้นชื่อ คือ พายกล้วยหอมชีส พายมะพร้าว
นอกจากนี้มีอาหารทั้งไทยและฝรั่ง ไอศครีมโฮมเมด เค้กด้วยค่ะ

เมนูที่สั่งมา ได้แก่ พายกล้วยหอมชีส เค้าช็อคโกแลตมะพร้าวอ่อน
ไอติมรสมะนาว ชามะนาว 
พายกล้วยหอมชีสก็อร่อยสมคำร่ำลือจริงๆค่ะ
ซื้อพายมะพร้าวกลับไปแต่ทิ้งไว้นานเลยอดชิมเลยว่าอร่อยแค่ไหน

บรรยากาศในร้านCake Cottageค่ะ
จากร้านcake cottage เดินกลับออกมาต้นซ.ศิริมังคลาจารย์13
แล้วก็ข้ามถนนไปยังซอยฝั่งตรงข้ามที่เยื้องเล็กน้อย
เดินเข้าซอยไปประมาณ200เมตรก็ถึงร้านไอเบอรี่ค่ะ


เนื่องจากในกระเพาะอาหารยังเต็มไปด้วยเค้กและพาย
จึงไม่สามารถยัดเพิ่มได้อีก เลยถ่ายรูปเล่นเล็กน้อยแล้วก็กลับโรงแรมค่ะ


โรงแรมที่พักคือ โรงแรมดิเอ็มเพรส อยู่บนถ.ช้างคลานค่ะ
ภายในห้องนอน

เฟอร์นิเจอร์ในห้อง

ตู้เสื้อผ้า ตู้เย็น มินิบาร์

ห้องน้ำ

วิวจากกระจกมองลงไปเห็นแบบนี้

ตอนกลางคืนไฟหน้าโรงแรมก็ตกแต่งสวยน่ารักดีค่ะ

ปิดท้ายค่ำคืนแรกด้วยถนนคนเดินประตูท่าแพ

สีสันของถนนคนเดินที่เห็นแล้วก็ยิ้มทุกที

หลังเดินช้อบปิ้งจนขาลากก็กลับมาพักที่โรงแรม
วันที่2 ติดต่อเหมารถแดงเพื่อไปเที่ยวม่อนแจ่มค่ะ
รถคันนี้ได้เบอร์มาจากพี่ที่รู้จักกัน คนขับเพิ่งออกรถมาใหม่เลยค่ะ
บริการดี สุภาพ แนะนำที่เที่ยวดีมากค่ะ

ม่อนแจ่มเป็นส่วนของโครงการหลวงหนองหอย
ตั้งอยู่ที่อ.แม่ริม ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่เกือบ 40 กม.ค่ะ

ก่อนถึงม่อนแจ่ม
คนขับพาแวะที่นี่ก่อนค่ะ

ร้านขายของฝากอยู่ด้านหน้าเลย

ที่สวนเอเดนจะมีกล่องให้หยอดค่าเข้าชมคนละ 20 บาทค่ะ
เข้ามาปุ๊บเห็นเค้ากำลังตัดองุ่นอยู่พอดี

ตอนแรกนึกว่าเอาของปลอมมาแขวนไว้ 
เพราะมันเยอะมากจริงๆ

เดินออกจากสวนองุ่นมาจะเจอไร่สตรอเบอรี่ค่ะ
ช่วงที่ไปไม่ค่อยเห็นลูก สงสัยจะเพิ่งเก็บไปหรือยังไม่ออกก็ไม่รู้

จากสวนเอเดนเดินทางต่อไปที่ม่อนแจ่มกันเลยค่ะ

ขึ้นไปถึงม่อนแจ่มประมาณ 9 โมง
อากาศเย็นสบายแต่ก็เริ่มมีแดดแล้ว
วันนี้ฟ้าใสมาก บรรยากาสดีสุดๆเลยค่ะ

ผีเสื้อบินมาเกาะพอดี

เชิญค่ะคุณดินสอไม้กับสีเทียน ช่วงที่ไปยังไม่มีนะคะ
มีแต่แปลงผักสมุนไพรค่ะ

สลับกับแปลงดอกไม้

ร้านกาแฟเล็กๆบนเดิน

ชอบท้องฟ้าสีสวยมากๆ

ไกลออกไปเห็นแปลงผัก(รึเปล่า)เป็นขั้นบันได

มีศาลาเล็กๆไว้ให้นั่งชมวิว

ประทับใจห้องน้ำที่นี่สะอาดและกลิ่นหอมด้วยค่ะ

วิวจากจุดชมวิว

หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศบนม่อนแจ่มเต็มที่แล้ว
ก็ค่อยๆหาที่เที่ยวกลับลงมาตามรายทาง
ที่แรกในฐานะแฟนละครธรณีนี่นี้ใครครองก็ต้องไม่พลาด
วิวระเบียงบ้านคุณย่า ณ บ้านม่อนม่วนค่ะ
จากปากทางที่ตั้งโครงการหลวงฯเลี้ยวเข้าซอยมาเล็กน้อยก็จะเจอค่ะ

ที่นี่มีขายทั้งอาหารและเครื่องดื่มค่ะ

บ้านม่อนม่วน เป็นรีสอร์ทที่เป็นบ้านไม้
ตกแต่งน่ารักมากค่ะ

วิวระเบียง

จากระเบียงมองลงไป
บ้านพักอยู่ด้านล่าง
ตกแต่งน่ารักดี

น่ามาพักบ้าง

ด้านหน้าบ้านม่อนม่วนมีไร่สตรอเบอรี่และสวนองุ่นนะคะ
สวนองุ่นดูเยอะกว่าที่สวนเอเดนด้วยแต่เสียค่าเข้าเหมือนกันเลยไม่ได้เข้าไปอีก


ระหว่างทางก็จะมีร้านขายสตรอเบอรี่+ของฝากเป็นระยะ
ราคาถูกกว่าตลาดในเมืองนะคะ
จุดแวะต่อไปก็คือ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่คนละ 40 บาท ค่ารถยนต์คันละ 100บาท
ถ้าไม่มีรถมาก็มีรถรางบริการค่ะ

มาถึงที่นี่เที่ยงพอดีเลยหาของกินเพิ่มพลัง
มีร้านอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี่ยว ส้มตำ ไก่ย่าง ราคาปกติจานละ 35-40บาท

หลังจากอิ่มแล้วก้เดินชมพรรรไม้นานาชนิด
ที่นี่จะมีเส้นทางให้ชมเป็นจุดๆ เราเลือกเดินชมได้ตามสะดวก
จุดไฮไลท์อยู่ที่กลุ่มอาคารเรือนกระจกเฉลิมพระเกียรติ

ได้เห็นต้นไม้แปลกๆที่ไม่เคยเห็น

สวนดอกไม้และน้ำพุหน้าอาคารเรือนกระจก

ออกจากสวนพฤกษศาสตร์ 
แวะไร่สตรอเบอรี่มีจุดให้ชมวิวด้วย

ก่อนกลับเข้าสู่ตัวอ.แม่ริม
มีทางแยกแวะไปTita galleryซะหน่อย
เป็นร้านกาแฟวาวี+แกลลอรี่ ตกแต่งได้เก๋น่ามานั่งพักผ่อนหย่อนใจมากๆค่ะ

บรรยากาศในร้าน


ด้านนอกร้าน+ส่วนจัดแสดงรูปภาพ

เดิมวางแผนไว้ว่าจะไปร้านบ้านสวนที่ต.สันผีเสื้อ
แต่ร้านเปิดช่วงเที่ยงถึงบ่ายสองแล้วเปิดอีกที5โมงเย็น
เลยต้องเปลี่ยนแผนเพราะกะจะไปซื้อของฝากที่ตลาดวโรรสก่อนไปขึ้นรถกลับประมาณ6โมงเย็น
เลยขอให้เค้าขับพาไป "กาดดารา" เป็นส่วนของโรงแรมแมนดารินโอเรียนเต็ลดาราเทวี  อยู่บนถนนเชียงใหม่-สันกำแพง

กาดดารา จะตั้งอยู่ด้านหน้าของโรงแรมค่ะ

ด้านในจะเป็นร้านค้า ร้านอาหาร และร้านเค้กOriental shop
ตกแต่งสไตล์ล้านนาแบบย้อนยุค

จากกาดดาราก็แวะไปซื้อของฝากที่ตลาดวโรรส
เสร็จแล้วก็ไปอาเขตขึ้นรถทัวร์กลับโคราช
ไปเชียงใหม่กี่ครั้งก็ประทับใจทุกครั้งและก็ยังมีอีกหลายที่ที่อยากไปแต่ยังไม่ได้ไป
ตั้งใจจะไปเที่ยวอีกแน่นอน ถ้าได้ไปแล้วจะกลับมารีวิวอีกนะคะ


ขอบคุณที่มา : http://pantip.com/topic/13112848/story